Wednesday, November 19, 2014

[Travelling] ติ่งตะเวนเกาหลี วันที่ 3 - 20141024 Korean Trip Day 3


นั่งรถไฟไป Jeonju (전주) 

ตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง แอบนอนไม่หลับแป๊บนึง เพราะอีกเตียงนึงกลับมาตอนตี 3 อาบน้ำ สระผม ไดร์ผมอีกนะ ไม่คิดบ้างเหรอว่าเสียงไดร์ตอนตี 3 เนี่ยมันรบกวนชาวบ้าน เอ๋ผกาเลยเอามั่ง ไดร์ผมตอน 6 โมงแก้แค้นนาง แต่ดีนะที่ตื่นก่อนเพราะตอน 6 โมงมีคนตื่นมาอาบน้ำเพราะจะ check-out ไม่งั้นสายแน่ๆ



พยายามจะเดินเข้าไปทักทาย แต่นางไม่สนใจอ่ะ


ดูดิ นางทำเมิน เช๊อะ
   

ออกจากที่พัก 6 โมงครึ่งรีบไปที่สถานีรถไฟ Yongsan ที่ออกแต่เช้าเพราะกลัวจะติดเวลาเร่งด่วนของคนทำงาน รีบไปดีกว่า ไปถึง 7 โมงนิดๆ จะเอา KR Pass ไปแลกตั๋ว แต่พนักงานบอกว่าไม่มีที่นั่งแล้ว เอาพาสไปขึ้นรถไฟได้เลย แง๊ๆๆๆๆ ไม่น่านิ่งนอนใจเลย เห็นพูซานรถว่างตลอด แต่จอนจูไม่เหมือนกัน มีวันละ 4 เที่ยวเอง แถมเป็นวันศุกร์ด้วย ที่ซื้อ KR Pass 3 Days ราคา ₩93,100 เพราะตั้งใจว่าจะออกนอกเมือง 1 Day Trip ไปจอนจู และราคา Pass เหมือนได้นั่งวันที่ 3 ฟรีๆ แล้วไงล่ะ ได้ไปฟรีแต่จองตั๋วไม่ได้ ต้องยืนไปเนี่ย TT



ไปดีหรือไม่ไปดีนะ เศร้ามากมาย ชั้นจะมาลำบากทำไมเนี่ย

รถไฟเที่ยว 8:20 ระหว่างนั้นก็แอบคิดนะว่าจะไม่ไปดีมั้ย ยืนไม่ไหวนะ ยิ่งตอนกลับเดินจะยิ่งเหนื่อย หรือจะเปลี่ยนแพลนไปเกาะนามิดี ไม่สิ อย่างเอ๋ผกา ตั้งใจแล้วต้องทำให้ได้ ยืนก็ยืนวะ นางจ้องจอเต็มที่ว่าเมื่อไหร่จะบอกเลขชานชาลา จะได้รีบไปเผื่อได้ที่นั่งสำรอง (จำได้จากรถไฟพูซาน ตรงประตูมีที่นั่งสำรอง) 8 โมงพอเลขรถไฟขึ้นจอว่าอยู่ชานชาลาไหน นางรีบบึ่งไปเลยค่ะ เช้านั้นอากาศประมาณ 10 องศา นางก็ไปยืนหนาวรอ แล้วก็โชคดี ได้ที่นั่งสำรอง ข้างขยะ ฮ่าๆๆๆ แต่ขยะสะอาดนะ 



ที่นั่งสำรองนั่งไม่สบายหรอก แข็งๆ แต่ก็ยังดีกว่ายืนอ่ะนะ


รีบมาก่อนคนมีตั๋วนั่งอีก 


นั่งข้างๆ ขยะนี่แหล่ะ ไม่สนใจ

พนักงานรถไฟจะมาเดินตรวจตั๋วอีกรอบ (ไม่เหมือนพูซาน) ก็ยื่น Pass ให้เค้าดู พนักงานรถไฟที่นี่สวยยังกะแอร์โฮสเตสเลยอ่ะ นั่งหลับหน้าขยะไปสัก ชม.นึง พนักงานมาพ่นภาษาเกาหลีใส่ แล้วชี้ๆ ไปข้างใน อ้อ แปลความได้ว่า มีที่นั่งว่างอีกโบกี้นึงไปนั่งได้ เออแฮะดูแลดีจังเลย พอเราได้ที่นั่งก็เดินมาดูเพื่อจดว่านั่งตรงไหน แล้วบอกว่าจอนจูจะถึงตอน 10:30 นะ ได้นั่งไปอีก ชม.กว่า สบายแฮ นั่งกินคิมบับที่เตรียมมา มื้อเช้ายังไม่อยากกินมาก กลัวปวดห้องน้ำ (นางไส้ต่อตรง) อ้อ รถไฟสายนี้ไม่มีของขายเหมือนพูซาน เตรียมเสบียงกันมาเองนะจ๊ะ



ได้นั่งเบาะดีๆ แล้ว เบาะปรับเอนได้ นั่งสบาย 
แต่ไม่ได้หลับนะ กลัวเลยเพราะมันไม่ใช่สถานีสุดท้ายเหมือนพูซาน


3 วันนี้นั่งแต่รถไฟ กินแต่คิมบับ เอาแค่พอรองท้องไม่อิ่มเกินไป

มาจอนจูถึง 10:30 ตรงเป๊ะจริงๆ แค่เห็นสถานีรถไฟ สมแล้วที่เป็นเมืองวัฒนธรรม ตกแต่งทุกอย่างเป็นแบบโบราณ มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ในสถานีด้วย แต่ไม่ได้เดินเข้าไปดู  




พิพิธภัณฑ์เล็กๆ ในสถานีจอนจู


ด้านหน้ายังแอบโบราณนิดๆ 


แช๊ะมุมถ่ายรูปหน้าสถานีสักหน่อย

เดินไปที่ Tourist Information เพื่อถามว่าป้ายรถเมล์ไป Hanok Village อยู่ตรงไหน อ้าวเห็นป้ายนี้ วันนี้มีงาน Jeonju Bibimbap Festival ด้วยอ่ะ สงสัยเป็นอีกสาเหตุที่รถไฟแน่นไม่มีที่นั่ง    



Jeonju Bibimbap Festival 23-26 October 2014


Jeonju Hanok Village (전주한옥마을)  

จากสถานีรถไฟจอนจู ให้นั่งรถเมล์สาย 12, 60, 79, 109, 119, 142, 508, 513, 536, 542~546 ประมาณ 25 นาที ลงป้ายตรงข้าม Jeondong Catholic Church ไม่ต้องห่วงว่าจะหลง เพราะคนลงป้ายเดียวกันเพียบ และโบสถ์ใหญ่มองเห็นมาแต่ไกล  



ป้ายรถเมล์ยังทำหลังคาแบบโบราณเลยอ่ะ


ที่นี่ก็มีจุดไว้อาลัยเรือเซวอน


แถวป้ายรถเมล์เป็นตลาดย่อมๆ มีร้านอาหาร ร้านค้าเยอะอยู่


เมื่อเดินเข้ามาในแถบ Hanok Village ร้านอาหารจะตกแต่งเป็นแบบโบราณหมด 


เดินเข้ามา ขุ่นพระ คนเยอะมาก คิดถูกแล้วที่ไม่เปลี่ยนใจ ตั๋วยืนก็ยอมมา สถานที่ดูมีสีสันขึ้นดี ลานกิจกรรมกำลังทำบิบิมบับเลี้ยงเด็กๆ อนุบาล เด็กก็น่ารักอ่ะ กินกันตุ้ยๆ เด็กที่นี่ไม่เหมือนเด็กไทย ที่มักจะเลือกไม่ยอมกินผัก แต่ที่นี่อาหารเค้ามีผักอยู่แล้ว อาหารไทยน่าจะทำแบบนี้บ้าง (ปล.เกลียดจริงๆ เวลาเห็นคนไม่กินผัก บ่งบอกเลยว่าคนนั้นเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองแค่ไหน) 







แอบขำเด็กคนนี้ คนอื่นเค้ากินอิ่มกันแล้ว 
ฮียังเคี้ยวตุ้ยๆ จนอาจุมม่าต้องมาคลุกข้าวให้อีก

มีเด็กอนุบาลมาทัศนศึกษาเยอะมาก แบ่งกลุ่มกันไปแต่ละจุด มากินข้าวบ้าง ถ่ายรูปตามสวนบ้าง เดินเล่นร้องเพลงบ้าง ดูวุ่นวาย เจี๊ยวจ๊าว แต่ก็ทำให้เราอมยิ้มได้ 



ถ่ายหน้างานหน่อยก่อนคนจะเยอะกว่านี้


อันนี้ต้องเสียค่าเข้า ไม่ได้เข้าอ่ะ คนเยอะไป


ครูจะจัดให้เด็กๆ จะเดินกันเป็นคู่จูงมือกัน
ดูหน้าน้องผู้ชายสิ พริ้มเชียวได้เดินจับมือสาว ฮ่าๆๆๆ 



ร้านค้า ร้านอาหาร ตกแต่งเป็นสไตล์นี้หมด 

มีของกินเยอะอยู่นะ แต่พยายามไม่กินจุกจิกมาก กลัวจะกินมื้อหนักไ่ม่ไหว ฮ่าๆๆๆ ของที่ดูจะนิยมที่นี่มากที่สุดคือ ปลาหมึกปิ้ง ราดซอส โรยผงชีส กับหนังปลาหมึกแห้ง ก็อร่อยดี ปลาหมึกจะเหนียวนิดๆ แต่เคี้ยวมัน บริหารเหงือกดีแท้ (ไม่แนะนำสำหรับคนใส่ฟันปลอม ฮ่าๆๆๆ)  ไม้ละ ₩3,000 









ในงานเทศกาล นอกจากอะไรๆ เกี่ยวกับบิบิมบับแล้ว ก็ยังมีส่วนจัดแสดงอาหารเกาหลีด้วย ให้นักศึกษาเอาผลงานตกแต่งอาหารของตัวเองมาโชว์ 




มีมุมถ่ายรูปบิบิมบับแนว 3D แต่ถ่ายไม่ค่อยจะได้ คิวยาว รูปนี้ยังต้องรีบ  
เป็นรูปวิธีการคลุกข้าวยำ ข้างล่างเป็นภาพนูนๆ  


ยังมีของกินเล่นอื่นๆ อีกเพียบ 


มีไอติมกรวยยาวๆ ด้วย แต่ไม่ได้ลองกินอ่ะ ไม่มีคนซื้อเลย เกรงจะไม่อร่อย 


ร้านคอฟฟี่ช้อป+ขนมหวาน ต่อคิวยาวเลย


ส่วน Information มีห้องน้ำใหญ่ข้างหลัง คนเพียบเช่นกัน 


นักศึกษามาโชว์การตกแต่งอาหารเกาหลี 


ขนมก็ประดิษฐ์ประดอยใช่เล่นนะ  


น้อง 2 คนนี้มีคนมาขอถ่ายรูปเยอะมาก เพราะปลาเหมือนยังสดอยู่เลย


คือทุกคนสงสัยว่า เอาปลาดิบมาทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ไม่เน่าเหรอ  

เที่ยงแล้วได้เวลากิน มาถึงนี่ก็ต้องกินข้าวยำสิ เดินเข้าร้านมุมถนน สุดทางเดิน ตอนเข้าไปคนไม่เยอะมาก แต่พอสั่งเสร็จ คนทยอยเข้ามาเต็มร้านเลย เอ๋ผกายังคงเป็นนางกวักให้ร้านเสมอ อันนี้เพื่อนที่ขายเครื่องสำอางค์บอกมา วันไหนเอ๋มาหาที่เคาน์เตอร์ วันนั้นจะขายดี ... 




เมนูที่คนสั่งเยอะที่สุด 
คืออันแพงสุด Joenju Beef Tartare Bibimbap ₩10,000 เป็นเนื้อดิบมาเลยจ๊ะ  
แต่เพราะต้องเดินทางไกล ไม่กล้าลอง จัดแค่ Jeonju Traditional Bibimbap ₩8,000


ใครเป็นโรคเก้าท์ อยู่เกาหลีไม่ได้นะ เพราะอาหารมีแต่ถั่วงอก ฮ่าๆๆๆ 


แต่เครื่องเคียงให้น้อยไปนะ


Jeonju Traditional Bibimbap ₩8,000 
อร่อยกว่าข้าวยำที่เคยกินมา ร้านนี้เค้ามีซอสของเค้าเองขายด้วย 


อันนี้อร่อย ทีแรกนึกว่าจะหวาน แต่หวานไม่มาก หอมๆ ดี กินเกลี้ยงเลยอ่ะ


ขอสักหน่อย โต๊ะข้างๆ มองก็ไม่สน


ร้านอยู่หัวมุมถนน ซอยสุดท้ายของ Hanok Village นะจ๊ะ 

เดินเล่นไปเรื่อยๆ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะดี เข้าซอยจากร้านอาหารก็เป็นย่าน Guest House แบบโบราณ ตกแต่งสวนสวยๆ น่าพักทั้งนั้น แต่ที่ไม่คิดมาพักแนวนี้ เพราะกลัวไม่มีไรทำตอนกลางคืน ฮ่าๆๆ นางเป็นนกฮูก นางนอนเร็วไม่เป็น 



ซอยนี้จ๊ะ มีที่เกสต์เฮ้าส์เยอะแยะ


แต่ละที่ตกแต่งสวนน่ารักดี


แดดจ้ามาก แต่ลมพัดเย็นเลยเดินสบายๆ


เอ๋ผกาหาได้แคร์ไม่ มาเกาหลีแต่ตากแดดหน้าดำ ฮ่าๆๆ 
อยู่สิงคโปร์แทบไม่ค่อยจะโดนแดด อยู่แต่ในห้องแอร์


มีร้านอาหารสร้างใหม่หลายร้าน แสดงว่าถึงไม่ใช่เฟสติวัลก็คงมีคนเยอะ


เค้ามีจุดบริการนักท่องเที่ยวเยอะนะ ไม่ใช่เฉพาะตรง Information ตรงกลางแค่นั้น
ใครไม่อยากต่อคิวห้องน้ำนานๆ เดินมาแถวนี้เลย คนไม่เยอะ มี Free Wi-Fi ด้วย


ศาลาโบราณ


มีเกมส์ปาลูกดอก เหมือนที่เห็นในละครพีเรียด 


กลองกับเรา ใครกลมกว่ากันจ๊ะ



นั่งเล่นหลบแดดที่นี่พักใหญ่ คนน้อย ดูครอบครัวพาลูกมาถ่ายรูปเพลินๆ


บ่อน้ำตรงกลาง เอาหินมาทำเป็นรองเท้าผู้หญิง มีคนโยนเหรียญไปด้วย 
แสงสะท้อนเยอะพยายามถ่ายได้แค่นี้แหล่ะ


เดินออกมาหาน้ำกินหน่อย น้ำองุ่นชื่นใจดี แก้วละ ₩3,000


ขำคนขายคนขวามาก ถามว่าเข้าไปนั่งข้างในได้ไหม 
เค้าไม่เข้าใจคำว่า Sit จนต้องย่อตัวทำท่าเหมือนนั่งให้ดู 
หัวเราะกันใหญ่ อ๋ออออออ

ออกจากซอยนั้นมาตอนบ่ายโมงกว่าๆ ทีแรกว่าจะเดินเล่นไปทางเขาข้างหลัง แต่ไม่ไหวอ่ะ เห็นปริมาณคนแล้ว รีบเดินกลับไปขึ้นรถเมล์ดีกว่า กลัวคนจะเยอะ เดี๋ยวไม่ทันรถไฟเที่ยว 16:20 เดินกลับไปทางเดิน อ้าว เค้ามีทำข้าวยำเลี้ยงคนในงานด้วย แง๊ เสียดาย อดเห็นบรรยากาศเลย เค้าเก็บหมดแล้ว   


ยิ่งตกบ่ายคนยิ่งเยอะ เด็กนักเรียนมัธยมมาทัศนศึกษากันเยอะด้วย


กลับเถอะนะเรา


ใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีเท่าไหร่นัก


เซลฟี้สุดท้ายในจอนจู


แอบสงสัย เค้าทำหลังคารั้วยังไง ถึงได้ดูเหมือนไม้เก่า


ซอกซอยต่างๆ ก็มีของขายกระจุ๊กกระจิ๊ก


อ๊าก อันนี้น่ากินทำเหมือนคิมบับแต่ใช้แป้งวาฟเฟิล 
แต่กินไม่ไหวแล้วอ่ะ ยังจุกข้าวยำอยู่เลย


มีซุ้มขายอาหารตามทางเดินตลอดทาง


เสียดาย เดินมาไม่ทันตอนเค้าทำบิบิมบับแจกคนร่วมงาน
เดินมาถึงเก็บของแล้ว 



ร้านของที่ระลึก อยากได้รองเท้าอ่ะ 
แต่กลัวจะเต็มกระเป๋า ไม่รู้จะเอาไปเก็บที่ไหนด้วย

ออกมาถึงป้ายรถเมล์ตอนบ่าย 2 รอครึ่งชั่วโมงแหน่ะกว่ารถเมล์จะมา แล้วนางก็เซ่อขึ้นไปแล้วไม่ทันดูทาง เห็นคนลงป้ายเยอะๆ นึกว่าถึงสถานีแล้ว แต่ไม่ใช่อ่ะดันเป็นสถานีรถบัส แล้วจะรอคันใหม่สงสัยต้องรออีกครึ่งชม. ขี้เกียจละ โบกลุงแท็กซี่ดีกว่า สือสารกันไม่เข้าใจ จนต้องเอารูปสถานีที่ถ่ายไว้ตอนมาให้ดู นั่งไปอีกไม่ไกลก็ถึงสถานี ค่าแท็กซี่ ₩4,000  


 
ดีนะที่ถ่ายรูปสถานีเอาไว้ ไม่งั้นนั่งสื่อสารกันอีกนานแน่ๆ

มาถึงสถานีตั้งแต่บ่าย 3 รถไฟเที่ยว 16:20 จริงๆ ยังมีอีกหลายที่ๆ อยากไปในเมืองนี้นะ จะนั่งเที่ยวต่อไปตอนทุ่มกว่าก็ได้ แต่ไม่เอาดีกว่าจะถึงโซลดึกเกินไป นั่งเล่นรอรถไฟมา คนค่อนข้างเยอะ พอได้ขึ้นรถ น่าเศร้ามากแม้แต่ที่นั่งสำรองก็เต็ม มีคนยืนไปโซลกับเราเพียบเลย บางช่วงเมื่อยๆ ก็นั่งกับพื้นซะเลย รถไฟขากลับไม่ใช่แค่ 2 ชั่วโมงเหมือนขามา เพราะเป็นเย็นวันศุกร์ คนเดินทางกลับบ้านกันเยอะมั้ง จึงจอดแต่ละสถานีค่อนข้างนาน กว่าจะถึงโซล 2 ชั่วโมงครึ่ง นั่งพื้นได้แค่ชั่วโมงเดียว เพราะยิ่งใกล้โซลคนยืนยิ่งเยอะ เป็นการวางแผนที่ไม่ค่อยดีนัก แต่เอาน่ะอีกรสชาติของชีวิต ได้เห็นว่าคนเค้าใช้ชีวิตกันยังไงก็โอเคละ อ้อ ดีนะที่ไม่พกเสื้อโค้ชมา วันนี้อากาศแค่เย็นๆ 15 องศา พอขึ้นรถไฟอย่างร้อน 



ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต นั่งบนพื้นรถไฟเกาหลี 
ไม่ต้องแคร์ ไม่ต้องอาย คนอื่นก็นั่งกัน


มีผู้ร่วมยืนเป็นสาวน้อยน่ารัก ทักทายทุกคนทั่ว
แม่พายืนแต่ไปสถานีเดียว ครึ่ง ชม. ก็ถึง


ป้าคนนี้มากับสามี สามีนั่งพื้นไม่ว่าคนแน่นขนาดไหนแกก็นั่งต่อไป
ส่วนตัวป้าโชคดี มีผู้ชายคนนึงลุกให้นั่ง แกเลยได้นั่งตลอดทางตั้งแต่จอนจูยันโซล


Myeong-dong

จากที่ควรจะเดินทาง 2 ชม. สายไปอีกครึ่ง ชม. จึงมาถึงสถานีโซลตอนทุ่มตรง การยืนตลอด (นั่งพื้นไม่ได้แล้ว) มาชั่วโมงครึ่งไม่ได้ทำให้นางหมดพลังงาน นางนั่งรถไฟฟ้าต่อไปยังมยองดง ก็ยังงงตัวเอง เอาแรงมาจากไหนนักหนาวะเนี่ย ร้านค้าเยอะมาก แต่ไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเองนอกจากที่เขียนคิ้วน้องที่บ้านฝากซื้อ เพราะร้านค้าเยอะ เปิดแข่งกัน ยี่ห้อเดียวก็มีหลายสาขา คนขายตื้อมากมาย เป็นคนไม่ชอบซื้อของกับคนขายที่ตื้อๆ เลยได้แต่เดินเล่นๆ รู้สึกช้อปปิ้งย่านนี้ไม่ใช่แนวตัวเอง ฮาๆๆๆ




มีสกินแคร์แบรนด์ที่ไม่รู้จักเพียบเลย แต่แทบไม่มีคนเข้า
ก็แหม ดูหน้าคนขายร้านพวกนี้สิ สิวตรึม แล้วลูกค้าที่ไหนจะเชื่อถือ


ไม่น่าเชื่อใช่มะ ว่าเอ๋ผกาไม่ได้ซื้ออะไรเลย


ร้านเยอะ ของเยอะ คนขายก็ตื้อเยอะ


เดินเฉยๆ ดูบรรยากาศพอละ

หิวแล้ว หาอะไรกินดีกว่า มื้อนี้กินบะหมี่เกี๊ยวที่ร้าน Myeongdong Kyoja สั่งเกี๊ยวที่ขายดีของเค้า ชามละ ₩8,000 ชามใหญ่ เยอะมาก ไส้เกี๊ยวอร่อยดี แต่ดันชอบกิมจิเค้ามากที่สุด มันเปรี้ยวๆ ซ่าๆ สะใจดีแท้ คนเยอะวุ่นวาย แต่คนเสิร์ฟดูแลดีมาก เดี๋ยวเอาลูกอมมาให้ เดี๋ยวเติมกิมจิให้ ประทับใจแท้ อ้อ แต่แปลกอย่างนึง พอเป็นนักท่องเที่ยว พูดภาษาอังกฤษ เค้าจะบอกให้จ่ายเงินก่อน แต่คนเกาหลีโต๊ะข้างๆ กินเสร็จแล้วค่อยจ่ายอ่ะ แปลกดี กลัวโดนชักดาบเหรอยะ  



แอบแพง แต่อร่อยก็โอเคนะ ติดใจกิมจิที่สุด

ตามทางเดิน จะมีของกินขายไปเรื่อย ได้เสียตังค์ตรงนี้แหล่ะ ฮ่าๆๆๆ เจอร้านปลาหมึกย่าง หยุดชะงัก มันน่ากินมาก หอมกรุ่น สั่งมาตัวนึง ₩5,000 คนขายตัวสูงมาก เท่าที่เห็นคนเกาหลีส่วนใหญ่ตัวสูง แต่พ่อค้าแอบร้ายนะ เรายืนมองอยู่ เห็นเค้าบอกคนเกาหลีว่าตัวละ 5 พัน พอฟังตัวเลขออกนิดหน่อย เลยถามว่าตัวละ 5 พันใช่มั้ย ก็ราคาตามนั้น แต่พอคนจีนอีกคน พูดอังกฤษถามราคา ฮีบอกว่า 6 พัน เอ้ยยย โก่งราคาชัดๆ ดีนะชั้นไม่โดนหลอก 



พ่อค้าตัวแสบ


ปลาหมึกเต็มตัว หนวดยาวเฟื้อยนี่แหล่ะ เห็นปุ๊บหยุดซื้อปั๊บเลย


ปิ้งร้อนๆ ใส่ถุงกระดาษมาให้ กินตอนอากาศเย็นๆ ฟินแท้ 
กินหมดตัวนะนั่นขอบอก นั่งกินตรงหัวมุมถนนนี่แหล่ะ 



เดินไปหน่อยเจอน้ำส้มคั้นสด ใส่ถุงซิปล็อคแปลกดี 
แอบแพง ₩5,000 แต่ตอนนั้นอยากกินน้ำผลไม้พอดี  
ที่แพงน่าจะเพราะเค้าไม่ผสมน้ำตาลเลย โอเคแหล่ะ

4 ทุ่มแล้ว จะเดินกลับไปขึ้นรถไฟฟ้า เจอป้ายบอกว่ามีร้าน CD อยู่บนชั้น 3 ของร้าน Republic ใหญ่ก่อนถึงสถานี ลองเดินขึ้นไปดู เย้ๆๆๆ ยังไม่ปิด ได้เสียตังค์ที่นี่แหล่ะ กำลังตามหาอัลบั้มใหม่ JYJ อยู่พอดี ได้มาแล้วเย้ๆๆๆ JYJ JUST US ₩20,300 แถมด้วย KIM JAE JOONG REPACKAGE ALBUM ₩20,000 จริงๆ ของน้องแจได้อัลบั้มเซ็ตแรกมาแล้ว แต่ซื้ออีกเก็บเอาไว้ ทั้งที่ไม่ใช่เมน แต่นางกินตังค์มากที่สุด อัลบั้มเดียวออก 3 packages แล้วอ่ะ เอาน่ะอุดหนุนพี่ก็เหมือนช่วยน้องให้ดังร่วมกันแหล่ะ 



ดึกแล้วยังเปิดอยู่ แต่ก็มีคนไม่มากแล้ว 
อ้อ ชั้น 2 ของตึกนี้ มีห้องน้ำให้เข้าฟรีด้วยนะ สะอาดใช้ได้ คิวไม่ยาว


ที่รักของนูน่า พลาดดูคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ ไปแค่วันเดียว
ทำไงได้ จัดวันพฤหัสฯ นูน่าลางานไม่ได้นี่นา
เพราะต้องเก็บไว้ลามาเที่ยวบ้านเกิดพวกหนูนี่แหล่ะ >_<


หมดทริปของวันนี้ยาวนานตั้งแต่ 6 โมงยันเที่ยงคืน ไม่สามารถไปต่อผับที่อยากไปได้ เพราะแค่ถึงห้องก็คอพับแล้ว อปป้าพรีเมี่ยมแห่งกังนัม เอาไว้รอบหน้านะ ไม่ไหวจริงๆ ติ่งหมดแรง (นี่ถ้าไม่ยืนบนรถไฟ อาจจะไปต่อไหว แต่ตอนนั้นขาล้ามากแล้ว พักเหอะๆ) 





   

No comments:

Post a Comment