วันสุดท้ายแล้วอ่า ไม่อยากกลับเลย งือๆๆๆ เอ๋ผกาชอบอากาศหนาว ต่ำกว่า 0 นางก็อยู่ได้ อยู่ที่นี่หน้าใสมาก ทา BB Cushion หน้าเนียนกริ๊บไม่มีเยิ้ม งุงิ ชั้นอยากหน้าเด้งงี้ตลอดปายยย TT
ตื่นมาตอน 8 โมง อาบน้ำแต่งตัว จัดกระเป๋าก่อน check-out ออกมาจากห้องตอน 9:40 เอาอีกแล้ว อิผู้จัดการมันหายหัวไปไหน เขียนเบอร์มือถือติดเอาไว้โทรไปก็ไม่รับ มีคนจะเช็คเอาท์คนอื่นด้วย เค้าจะฝากกระเป๋าเอาไว้เหมือนกัน ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ จากมือถือ จนกระทั่ง 10 โมง อิผู้จัดการเดินออกมางัวเงีย หัวยุ่งเชียะ ที่แท้มันนอนหลับไม่ตื่น โทรไปไม่ได้ยิน คนโทรไปเป็นสิบๆ สายเลยเนี่ยนะ กวนมาก เมื่อคืนกลับมาตีหนึ่งกว่าก็ยังเห็นมันเล่นเกมส์ สงสัยเมาไม่ตื่นแน่ๆ เป็นคนดูแลภาษาไรวะ รมณ์เสียแต่เช้าเพราะเวลาวันสุดท้ายก็น้อยอยู่แล้ว นี่แหล่ะสาเหตุที่ไม่แนะนำสาขานี้ คนดูแลห่วยมากๆ
ก็ไม่เยอะเท่าไหร่นะ ว่ามะ (หรา?)
มีน้องบอกว่าพี่เอ๋จัดกระเป๋าเรียบร้อยมาก
ก็เดินทางบ่อย จัดของให้เต็มได้ทุกอณู อย่าให้มีช่องว่าง
Ewha Womans University (이화여자대학교) & Ewha Shopping Street
กว่าจะได้ฝากกระเป๋าปาไป 10 โมงกว่า เลยเหลือเวลาแค่ 4 ชม.เท่านั้น ไปเดินเล่นช้อปปิ้งเก็บตกอีกหน่อยดีกว่า กระเป๋ายังไม่เต็ม คริๆๆๆ
นั่งรถไฟฟ้ามาที่สถานี Ewha Womans University EXIT 2,3 ได้ยินว่า ม.หญิง แห่งนี้สวย มีของขายเยอะด้วย และก็ไม่ผิดหวัง ม.เค้าสวยจริงๆ พื้นที่เป็นเนินเขา ทั้งอาคาร สวนดอกไม้ต่างๆ ตกแต่งได้ดูสมเป็น ม.หญิง ใส่ใจรายละเอียดดี ถ่ายรูปที่นี่นานพอควร แดดร้อนแต่ลมพัดเย็นสบาย ชอบมาก ตลกดีทุกคนเห็นไม้เซลฟี้เอ๋ผกา มองแล้วซุบซิปกันใหญ่ ทำไมยะ รุ่นนี้ลมพัดแค่ไหนก็ไม่สะเทือนย่ะ แค่เมื่อยแขนสั่นนิดหน่อย แต่กล้องชั้นมีระบบกันสั่นสะเทือนไม่กลัวภาพเบลออยู่แล้ว
เดินออกมาหน้า ม. เป็นย่านช้อปปิ้งของสาวๆ เสื้อผ้าเยอะดี ของทุกอย่างดูน่ารักกระจุกกระจิกไปหมด ราคาไม่แพงมาก นี่ขนาดร้านยังไม่เปิดเต็มที่นะ แต่เอ๋ผกาเดิน 2 ชม.หมดไป 4 หมื่นวอน ฮ่าๆๆๆ ถ้ามีเวลามากกว่านี้คงแย่
ซื้อเป้สีฟ้าลายดอกมาใบนึง ₩10,000
ใบใหญ่ดี แต่ใส่ของมากไม่ได้ เพราะสายกระเป๋าไม่มีบุซัพพอร์ต
เคยใส่ของหนักทีนึง เล่นเอาไหล่เคล็ดเลย
ได้เสื้อมาตัวนึง ₩30,000+ ไม่หนามาก เอามาใส่ที่สิงคโปร์ได้
ส่วนกางเกง ซื้อแถวสถานี Express Bus Terminal ตัวละ ₩10,000 ใส่วันสุดท้ายซะเลย
เก็บตกฮงแด
แวะไป ม.ฮีฮวา แป๊บเดียวจริงๆ เที่ยงๆ ก็กลับมาที่ฮงแด กะว่าจะหาอะไรกินก่อนไปเอากระเป๋าสักหน่อย แต่ไหงนางเดินเข้าช็อป New ฺBalance ซะงั้น แล้วก็ไปเจอรองเท้าน่ารักคู่นึง สองจิตสองใจอยู่นาน เอาดีมั้ยนะ รุ่นนี้มี 2 สี น้ำเงิน กับ ครีม จริงๆ อยากได้สีครีมมากกว่าเพราะเพิ่งซื้อสีฟ้ามา และสีครีมน่ารักมุ้งมิ้งมากๆ แต่กลัวว่าจะสกปรกง่ายไป สุดท้ายก็เลือกน้ำเงินมาจนได้ ราคาโหดพอควร ₩109,000 และไม่มีเบอร์ 6 ด้วย มีแต่ 6.5 คู่สุดท้าย แต่พอลองใส่ก็โอเค เพราะมันหุ้มข้อเท้า ใส่ใหญ่กว่านิดนึงไม่เป็นไร
New Balance รุ่น 891 ราคา ₩109,000
เดินเล่นแถว ม.ฮงอิก อีกนิดนึง เข้าไปใน ม. บรรยากาศแตกต่างจาก ม.อีฮวา มากมาย ดูแข็งๆ ไม่ตกแต่งหวานแหววเหมือน ม.ของสาวๆ แต่ชอบตึกตรงประตูทางเข้า เข้าใจออกแบบ ถ้าเป็นเมืองไทยอ่ะเหรอ แตกร้าวไม่แข็งแรงตั้งแต่ปีแรกละ งบประมาณอ่ะมีเยอะ แต่คนกินงบประมาณเยอะกว่า ฮ่าๆๆๆ
มุมนี้ถ้าตอนกลางคืนจะมีคนมาแสดงนั่นนี่
แต่กลางวัน เงียบมาก
ไก่ทอดคงจะฮิตไม่เลิกจริงๆ เดินไปทางไหนมีแต่ร้านขายไก่ จะกินทัคคาลบี้คนเดียวก็ไม่ไหวแฮะ ข้ามถนนย้อนกลับมาฝั่งที่พัก จากสถานีฮงแด EXIT 1 จะมีร้านซุปร้านนึงที่เปิด 24 ชม.ดีกว่า เห็นคนเข้าเยอะ น่าจะอร่อย ตอนนั้นมีเงินสดเหลืออยู่ ₩16,000 เลยสั่งเมนู Signature ของร้านเลยซะเลย ซุปเอ็นเนื้อ ₩15,000 ปกติไม่เคยกินซุปสีขาวๆ แบบนี้ กลัวจะจืด ก็จืดจริงแหล่ะ แต่คนเสิร์ฟมาสอนว่าต้องโรยต้นหอม โรยเกลือ พริกไทยนะ พอปรุงแล้ว เอออร่อยจริง เอ็นเปื่อยยุ่ยในปากเลย มิน่าขนาดราคาใช่ย่อย แต่เกือบทุกโต๊ะสั่งชามนี้กันหมด ตอนนี้ รู้ละว่า ถ้าร้านไหนเปิด 24 ชม. อร่อยชัวร์ ไม่งั้นเค้าไม่กล้าเปิดทั้งวันหรอก ถ้าไม่แน่จริง และพนักงานในร้านบริการดีมากค่ะ เห็นเป็นนักท่องเที่ยว สอนวิธีการกินใหญ่เลย ตอนแรกก็แอบตกใจเพราะเอ็นมาชิ้นใหญ่มาก นางก็เดินมาบอกว่า ใช้กรรไกรตัดเลยนะ คงเห็นเราทำหน้างงๆ กินไม่เป็นชัวร์ อิอิ กิมจิที่นี่อร่อยด้วย เปรี้ยวๆ ซ่าๆ ชอบมาก (บางร้านจะไม่ซ่า)
ตอนยกมาเสิร์ฟ หน้าตาแบบนี้
คนเผ็ดร้อนอย่างเรา ต้องโรยพริกไทยขนาดนี้จ้า
กินไปนิดนึงยังไม่ได้โรยต้นหอม
คนเสิร์ฟเดินมาบอกว่า ต้องโรยนะ ขาดไม่ได้ อ้อ จ้าๆๆๆ
ช้อปปิ้ง+กิน จนเหลือเงินติดตัวแค่ ₩1,000 เองอ่ะ แหะๆ แต่ไม่กลัวเพราะเมื่อเช้าเพิ่งเติมเงินการ์ดไปอีก ₩10,000 จริงๆ มันยังเหลืออีก ₩7,000+ แต่กลัวไม่พอถ้าจะนั่งแอร์พอร์ตบัส (ค่ารถ ₩10,000) ก็เลยเติมไปก่อน เหลือยังไง เอาไว้ใช้ทริปหน้า
เดินไปเอากระเป๋า แล้วลากกลับมาที่สถานีฮงแดอีก ดันเซ่อซ่า หาป้ายแอร์พอร์ตบัสไม่เจอ ถามน้องในไลน์ก็ยังไม่ตื่น เดินเลยมาถึง EXIT 4 รถไฟฟ้าอีกทางนึง กระเป๋าก็หนักขี้เกียจลากไปลากมาละ เดินลงไปสถานีไปเลยละกัน เพราะ EXIT นั้นใกล้ AREX มากที่สุดแล้ว แล้วค่ารถไฟ AREX แบบธรรมดา ก็แค่ ₩6,000 สรุปนางเติมเงินมาไม่ได้ใช้ ฮ่าๆๆๆ ไม่เป็นไร เก็บเอาไว้ ... จนนั่งมากลางทางละ น้องตอบไลน์มาว่า ป้ายแอร์พอร์ตบัสอยู่ตรงเกาะกลางถนน เย้ยยย ก็สงสัยอยู่ใช่ป้ายนั้นมั้ย แต่เดินเลยมาแล้วก็ช่างมัน
กระเป๋าขามามีใบเดียว ขากลับออกลูกออกหลานมาอีก 2
Incheon Airport
มาถึงสนามบินตั้งแต่บ่าย 3 เผื่อเวลาเยอะหน่อยเพราะต้องทำเรื่อง Tax Refund ซึ่งขั้นตอนยุ่งยากมากค่ะ ต้องเอาไปให้เจ้าหน้าที่ประทับตราบนใบเสร็จก่อน ซึ่งบางทีเค้าอาจจะขอตรวจของ แต่ไม่โดนตรวจ เสร็จแล้วถึงจะไปโหลดกระเป๋าได้
และก็มีเรื่องให้หน้าแตก เพราะไม่รู้ว่า Korean Air เค้าเคร่งครัด ยอมให้แค่กระเป๋าใบเดียวเท่านั้น ไอ้เราก็คิดว่ากล่องคงไม่เป็นไร เจ้าหน้าที่บอกว่าตามกฎ จะโหลดอีกชิ้นต้องเสีย ₩100,000 เหวอ ของข้างในนั้นมูลค่าแค่ ₩40,000+ เองนะ เค้าจะให้ถือขึ้นเครื่อง ก็ดันมีกระเป๋าลูกน้ำเงินแล้ว เราก็บอกว่า ถ้าไม่ได้ก็ต้องทิ้งไปบ้างแหล่ะ คงถือขึ้นเครื่องหมดไม่ได้ ไปๆ มาๆ นางสงสารอ่ะ เห็นว่ากระเป๋าใหญ่ นน.แค่ 17 กก.เอง ขาดอีกตั้ง 6 โล สุดท้ายยอมให้โหลดกล่องได้ รวมกันก็ยังแค่ 20 โล พนักงานเค้าน่ารักอ่ะ แต่บอกว่าคราวหน้าไม่ให้แล้วนะ เห็นคราวนี้บินเกาหลีครั้งแรก เราไม่รู้จริงๆ นางสงสาร อิอิ จ้าๆๆๆ คราวหน้าจะมาเกาหลี พี่จะเอากระเป๋าใบยักษ์มาเลย
ก่อนเดินเข้าเกท นางเกือบลืมคืน Pocket Wi-fi เกือบไปแล้วมั้ยละ ไม่งั้นจ่ายค่าปรับอีกหลายแสนวอนเลย รวมค่าเช่า-ส่วนลด+ภาษี 5 วัน ₩34,100 (1,078 บ.) ตกวันละ ₩6,820 เท่านั้น ไม่แพงเลยนะ จัดว่าคุ้มกับเน็ตเร็วปรื้ดๆ นี่ถ้ามาหลายคนยิ่งคุ้มกว่านี้ ตอนจ่ายต้องรูดบัตรเท่านั้น เพราะนางหมดตรูดแล้ว แหะๆ
เดินเข้าเกทมาอย่างง่ายดาย ยิ้มให้ ตม. เค้าก็ยิ้มตอบ ไม่เห็นจะดุเลยสักนิด จากนั้นรีบไปขอ Tax Refund ที่ Gate 23 เลย ไปถึงตกใจแถวยาวมาก และต้องต่อ 2 แถวด้วย เพราะบางร้านเป็นป้ายส้ม บางร้านป้ายน้ำเงิน ป้ายน้ำเงินจะแถวยาวกว่า ได้เงินคืนมา ₩29,000 เย้ๆๆๆ มีตังค์กินข้าวทริปหน้าได้อีกหลายมื้อ นี่ถ้าของที่ซื้อจากล้อตเต้มาร์ททำ refund มาด้วย ก็ได้อีกเป็นหมื่นวอนล่ะ เสียดาย งุงิ
ป้ายสีส้ม ส่วนใหญ่เป็นของที่ซื้อจากพูซาน
ส่วนสีน้ำเงิน ส่วนใหญ่เป็นร้านในโซล
กว่าจะเอาเงินคืนจากประเทศเค้า ลำบากนักหนา อยู่ตรงนี้เกือบ ชม.ได้อ่ะ
เย้ๆๆๆ จากเหลือเงิน ₩1,000 มีตังค์ซื้อน้ำแล้วจ้า
Duty free อินชอน มีหลายร้านมาก เดินดูเฉยๆ ไม่ได้ซื้ออะไร ซื้อมาครบแล้วว่างั้น แค่นี้ก็จนไปอีกหลายเดือนละ >//< อยากได้ขนมบางอย่างก็ซื้อไม่ไหว แพงเกิน บอกเลยว่าดิวตี้ไทยถูกกว่าเยอะ
เดินมาเจอเหม่งที่รักของนูน่า แต่ซื้อไม่ไหวคร๊า US$50 แพงมากกก
เดินไปเกทเลยดีกว่า อยู่เกท 12 คือข้างหลัง ตม. เลยน่ะแหล่ะ อะไรจะเดินใกล้ขนาดน้าน อำนวยความสะดวกสายการบินของชาติเต็มที่ว่างั้น ขากลับก็คนแน่นเต็มลำเหมือนกัน วันหยุดยาวสิงคโปร์นี่นา
ถ่ายกับเครื่องบินหน่อย ไม่ได้บินไฮโซได้บ่อยๆ หรอกนะ คริๆๆๆ
ก่อนบินขึ้น เครื่องมีปัญหาระบบเทคนิค
เห็น reset จอตั้งหลายรอบ สุดท้ายต้องดีเลย์ไปครึ่ง ชม.
การเดินทางกลับ เป็นอะไรที่ทรมานมาก เพราะตลอด 6 ชม.ไม่ได้หลับเลย ผู้หญิงนั่งข้างๆ นางเป็นหวัด ซื้ดน้ำมูกตลอดทาง กระดาษทิชชู่ก็ไม่พก นั่งซื้ดน้ำมูกอยู่ได้ จนแอร์ต้องคอยเอากระดาษมาให้ นั่งๆ ไปสัก ชม. เราก็เริ่มหายใจไม่ออก คิดว่าติดหวัดนางแน่ๆ เพราะเป็นหวัดอยู่นิดหน่อยก่อนแล้ว ซ้ำเข้าไปอีก ขนาดกินยาแก้แพ้แล้วก็ไม่ช่วย น้ำมูกเริ่มไหลตามนาง
แล้วขากลับเนี่ย อากาศไม่ดีตลอดทาง สัญญาณรัดเข็มขัดขึ้นทุก 10 นาทีได้เลยมั้ง ตอนเสิร์ฟอาหารก็ต้องคอยเอามือปิดแก้วเอาไว้ กลัวจะกระฉอกออกมา แอร์สจ๊วตเก่งมากอ่ะ เดินเสิร์ฟไม่สะทกสะท้าน แต่คนกินใจไม่อยู่กับเนื้อกะตัว กินไม่อร่อยเลย แอบเสียวว่าจะตกหลุมอากาศแรงเหมือนขามา ... แต่จริงๆ เอ๋ผกากลัวไวน์หก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เครื่องตกอ่ะไม่กลัว กลัวของกินตรงหน้าตกกระจาย ... ขากลับสั่งผัดหมี่เนื้อ กินบิบิมบับมาจุกแล้ว ก็อร่อยดีนะ ไม่จืดชืด ไม่ต้องปรุง ของว่างเป็นไอติมชีสเค้ก อันนี้อร่อยมากอ่ะ อ้อ เที่ยวนี้เค้ามีของว่างให้อีกรอบประมาณ ชม. นึงก่อนเครื่องลง สงสัยเพราะเครื่องดีเลย์เลยเอามาขอโทษ จัดพิซซ่าไปอันนึง อิ่มตื้อ
โดยรวมแล้ว ชอบบริการ Korean Air นะ ใส่ใจดีทั้งภาคพื้น ทั้งบนเครื่อง แอร์คอยเดินดูตลอดว่าจะเอาอะไร คนป่วยข้างๆ เค้าก็คอยเอาน้ำอุ่น+ทิชชู่มาให้ เจอคนแก่ก็นอบน้อมนั่งลงกับพื้นพูดด้วย แอร์สวยมาก สจ๊วตหน้าไม่ศัลย์ก็หล่อจ๊ะ ยิ่งตอนขากลับหล่อระดับเล่นละครเป็นพระรองได้เลยอ่ะ >//< จัดว่าคุ้มเงินที่จ่ายไปแล้วล่ะ
มาถึงสิงคโปร์ตอนเกือบๆ ตีหนึ่ง คนล้นหลาม ตม.แน่นเลย ไม่เคยเจอ ตม.แน่นขนาดนี้มาก่อน คงเพราะเป็นเวลาที่เที่ยวบินไกลๆ จะลงเวลานี้พอดี ... รถไฟฟ้าหมดแล้ว รอต่อแถวแท็กซี่นานมาก เพราะคนเป็นพันแต่มีแถวแท็กซี่ 10 แถว ... คงไม่มีที่ไหนแท็กซี่เยอะเท่ากรุงเทพฯ สินะ ... ถึงบ้านเกือบตี 2 และเช้าป่วยลุกไม่ขึ้น ติดหวัด ผญ.ข้างๆ มาเต็มๆ ลาป่วยอีกวัน TT
จบแล้วจ้า ทริป 5 วันที่มีความสุขตลอด แต่ละวันเดินเยอะมาก เที่ยวแต่เช้ายันดึก สนุกดี ได้เห็นว่าจริงๆ แล้วคนเกาหลีใช้ชีวิตยังไง ผู้คนเป็นยังไง ชอบนะ ... คนเกาหลีถึงจะหน้าบึ้งๆ เสียงดัง โผงผางบ้าง แต่ใจดี ที่ประทับใจที่สุดคือคนพูซาน อาจุมม่าน่ารักดี ไม่พูดอังกฤษแต่พยายามสื่อสารสุดฤทธิ์ คนโซลอาจจะดูเครียดๆ ตามภาษาเมืองหลวง แต่ก็ชอบโดยเฉพาะที่ช้อปปิ้ง อิอิ ... ผญ โซล สวยๆ เยอะ หน้างี้เนียนเลย (ศัลย์บ้างประปราย แต่เอ๋ผกาไม่ถือ เพราะนางก็ศัลย์ ^^) ห้องน้ำเต็มไปด้วยสาวๆ ยืนแต่งหน้า รู้สึกว่าเอ๋ผกาไม่ผิดเหล่าผิดกอก็ที่นี่แหล่ะ ฮ่าๆๆ เพราะ ผญ ในสิงคโปร์เค้าไม่ค่อยแต่งหน้าน่ะ การเติมแป้งในห้องน้ำดูจะแปลกตา ... ส่วน ผช. ต่อให้ไม่ศัลย์ก็บอกเลยว่าหน้าตาดีกว่า ผช.สิง มาเลย์ ปิโน อินโด อินเดีย จ้า!!! คือเอ๋ผกา ชีวิตอับเฉาแวดล้อมด้วยผู้หน้าเหียกว่างั้น ฮือๆๆๆๆ ... ส่วนอาหาร ไม่ต้องพูดถึง อร่อยทุกมื้อ เสียดายที่กินได้แต่อาหารจานเดียว ถ้ามาหลายคนคงได้กินตัวกลม กลิ้งขึ้นเครื่องบินแน่ๆ
ใครจะแอนตี้ประเทศนี้ เอ๋ผกาไม่รู้ ชั้นชอบของชั้นก็แล้วกัน ... แล้วจะกลับไปใหม่นะ เกาหลี ...